ตั้งแต่ประกาศเลิกรากับแฟนสาวนอกวงการไป “แบงค์ ธิติ” ก็โดนจับตามองจากเหล่าเหยี่ยวข่าวและแฟนคลับตาเป็นมันเลยทีเดียว ล่าสุดก็มีภาพสนิทสนมกับเน็ตไอดอลอันดับต้นๆของเมืองไทย “พิมฐา ฐานิดา” วันนี้ในงาน “Nadao Academy ค้นหา เด็กฝึก” เจ้าตัวก็ยืนยันความสัมพันธ์ของทั้งคู่ว่าเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ตนตัดสินใจเลิกรากับแฟนสาวตามกระแส ยอมรับว่าเมื่อเห็นข่าวก็ได้พูดคุยกับพิมฐาเรื่องให้ตั้งรับกระแสแล้ว พร้อมขอโทษที่ทำให้เป็นข่าว
เปลี่ยนสถานะมาเป็นหนุ่มโสดแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ?
“โสดก็ทำงาน และก็ทำงานครับ ช่วงนี้ค่อนข้างที่จะมีงานเยอะเหมือนกัน เพราะละครเรื่องใหม่ก็เพิ่งจะเปิดกล้องด้วย “
รู้สึกโล่งขึ้นไหมหลังจากที่ได้พูดเรื่องสถานะแล้ว ?
“จริงๆ ก็รู้สึกดี เพราะเขาจะได้รับรู้ในฝั่งของอีกคนหนึ่งด้วย และก็สถานะของเราด้วย”
หลังจากที่เราออกมาพูดในวันนั้น เราได้ติดตามฟีดแบคบ้างไหม ?
“ก็ดูบ้างครับ คือมันก็จะมีฟีดแบคกลับมาให้เห็นอยู่เหมือนกันทางทวิตเตอร์”
จากข่าวที่เราออกมาพูดเรื่องเลิกกับแฟน มันเลยทำให้ พิมฐา ถูกมองว่าเป็นมือที่สาม ?
“อ๋อ จริงๆ ไม่ใช่ครับ แต่ที่มันมีฟีดแบคนี้เกิดขึ้นก็เป็นเพราะเราสองคนได้มีโอกาสไปถ่ายรายการด้วยกัน ชื่อรายการว่า ป๋าซ่าพาซิ่ง ซึ่งเป็นรายการที่เราต้องไปดูแลพ่อๆ พาพ่อๆ ไปเที่ยวที่ต่างประเทศ มันก็เลยมีคนที่เขารู้จิ้นตามรูปแบบของรายการ”
ตัวเราเองกับ พิมฐา สนิทสนมกันมากแค่ไหน ?
“ก็สนิทนะครับ เพราะพอเราได้ไปถ่ายรายการด้วยกัน ได้ใช้ชีวิตอยู่ดูแลพ่อๆ ด้วยกัน ก็ถือว่าเขาเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่งครับ”
พิมฐาเขาเครียดไหม เรื่องนี้กระทบความสัมพันธ์ของเรากับเขาหรือเปล่า ?
“ก็มีได้คุยกันบ้างครับ คือผมไปบอกเขาว่ามันอาจจะมีอะไรพวกนี้นะ และก็ขอโทษเขาด้วยที่ทำให้เขาซวย (ยิ้ม) ซึ่งเขาก็เข้าใจ ไม่ได้เครียด “
เรารับมือกับกระแสข่าวที่ออกมากันยังไง ?
“คือเราจะมีกลุ่มไลน์ที่คุยกันอยู่แล้ว เป็นแก๊งป๋าซ่าพาซิ่ง ซึ่งพอมีข่าวแบบนี้ออกมา พ่อๆ ทุกคนก็ช่วยกันบอกว่าไม่เป็นไรนะอย่างนั้นอย่างนี้ และตัวผมเองก็บอกเขาไปเหมือนกันว่า ถ้าช่วงนี้มันมีข่าวอะไรออกมาก็อยากให้ใช้สติในการอ่านนิดหนึ่ง เหมือนเราต้องรู้ตัวเองก่อน เพราะโลกโซเชียลมันเป็นโลกที่ใครๆ ก็สามารถแสดงความเห็นได้ ไม่ว่าความเห็นนั้นมันจะแรงขนาดไหนหรือกระทบกับจิตใจเราขนาดไหน เนื่องจากเขาไม่ได้รับรู้หรอกว่าเมื่อเขาคอมเมนต์ไปแล้วเราจะรู้สึกยังไง ดังนั้นเราจึงทำได้แค่รับมา สิ่งไหนที่เราสามารถนำมาปรับปรุงแก้ไขตัวเอง และทำให้ตัวเราดีขึ้นได้เราก็จะรับ รวมถึงนำมาพิจารณาอีกทีหนึ่ง”
พอมันมีกระแสแบบนี้ทำให้เราสองคนต้องเว้นระยะห่างกันมากขึ้นไหม ?
“โดยปกติเราก็ไม่ค่อยได้เจอกันอยู่แล้วนะครับ และถ้าหากเราเจอกัน เราก็จะแค่ไปกินข้าวกับแก๊งพ่อๆ คือผมรู้สึกว่าเราก็เป็นแค่เพื่อนที่เคยมีโอกาสได้ร่วมงานกันมากกว่า “
อีกประเด็นคือตอนนี้เราทั้งคู่โสด คนก็เลยยิ่งจับตามองเป็นพิเศษ ?
“ก็อาจจะเป็นเพราะเรื่องนั้นด้วยครับ”
ไทม์ไลน์ความโสดของเราทั้งคู่ เราสามารถชี้แจงได้ไหม ?
“จริงๆ ตัวผมเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องส่วนตัวของเขานะครับ แต่สำหรับเรื่องของผม ก็เหมือนกับที่ผมเคยสัมภาษณ์ไปว่ามันเป็นช่วงก่อนปีใหม่ก่อนวันเกิดผม ซึ่งค่อนข้างที่จะเป็นระยะเวลาที่นานแล้ว ตามเหตุผลที่ให้ไปครับ”
เราสนิทกัน แต่ก็ไม่เคยไปแฮงค์เอาด้วยกันหรือไปเที่ยวด้วยกันใช่ไหม ?
“เรามีแต่ไปเที่ยวแบบเป็นกลุ่มๆ กับเพื่อนที่เรารู้จักครับ เพราะเพื่อนของเขาก็รู้จักกับผมเหมือนกัน รวมถึงเรายังมีแก๊งป๋าซ่าพาซิ่งและทีมงานรายการที่เราไปทานข้าวด้วยกันอีก แต่ถ้าไปกันสองคนไม่มีแน่นอนครับ”
นอกจากฝั่งที่จับผิดแล้ว มีฝั่งเชียร์ด้วยไหม ?
“ต้องเชียร์ด้วยเหรอครับ (หัวเราะ) ตอนนี้ผมยังไม่รู้อนาคตเหมือนกัน ขอทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก่อนดีกว่า เพราะแค่นี้ก็หนักสำหรับผมแล้วเหมือนกัน”
เรียกว่าตอนนี้เรายังไม่พร้อมดูแลใคร ?
“ใช่ครับ ตอนนี้ขอคุยกับตัวเองก่อนละกัน”
กังวลไหมว่าตอนนี้เราตอบแบบนี้ แต่อนาคตอะไรมันอาจจะเกิดขึ้นได้ ?
“ใช่ครับ เพราะเราไม่สามารถรู้อนาคตได้อยู่แล้วว่าเราจะไปคุยกับใคร หรือเราจะไปมีความสัมพันธ์ที่มันพัฒนาไปอย่างไรในอนาคต ซึ่งเราตอบไม่ได้อยู่แล้ว และอีกอย่างผมเองก็รู้สึกว่าอยากให้มันเป็นเรื่องของอนาคตดีกว่า เหมือนกับที่ผมบอกผมอยากทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก่อน”
ณ ตอนนี้สำหรับ พิมฐา ก็คือเพื่อน ?
“ใช่ครับ ใช่”