“เอสเธอร์” อัพเดทคดี “เมจิกสกิน” ดีใจนักวิจารณ์บอกหนังเนื้อหาดี
สำหรับคดีดังของคนบันเทิงก็คงจะหนีไม่พ้น “คดีเมจิกสกิน” ที่หลังจากกวาดล้างไป เหล่าดาราที่รับรีวิวก็โดนหมายเรียกกันหลายคน ทางด้านนักแสดงสาว “เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา” ก็ได้ออกมาอัพเดทในส่วนของคดีตนเองและส่วนทางด้านภาพยนตร์ “รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน” ที่กระแสเริ่มเงียบลงรู้สึกอย่างไรบ้าง ไปถามเจ้าตัวกันดีกว่าค่า…
คดีเมจิกสกินเป็นอย่างไรบ้าง?
“เมื่อวานได้เข้าไปพบมาแล้วค่ะเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้วก็ไปที่อย.ต่อเพื่อไปจ่ายค่าปรับค่ะ”
จ่ายแล้วจบคดี?
“อันนี้หนูจำรายละเอียดไม่ได้ค่ะมันเป็นคำศัพท์ที่ทางกฎหมายจับใจความไม่ได้ดูแค่ว่าทำผิดแล้วต้องไปจ่าย”
สินค้าเป็นยาหรือครีม?
“เป็นครีมทาค่ะ เพราะว่าหนูใช้ข้อความที่เกินจริงก็เลยจะโดนตรงจุดนั้นไปค่ะ”
เจ้าหน้าที่ชี้แจงอะไรไหม?
“คุณตำรวจก็ให้คำแนะนำว่าไม่ได้ห้ามถ้าเราจะรับ แต่ว่าเราใช้ข้อความโฆษณาเกินจริงอันนี้คือผิดเลยแต่ว่าถ้าเรารับสินค้าโดยตรวจสอบอย่างถูกต้องข้อความโฆษณาที่มันถูกต้องอันนี้คือรับได้ไม่โดน ก็ได้ความรู้มาใหม่เยอะเลยค่ะคือหนูเองก็ไม่รู้ เราก็แค่คิดว่าเราใช้คำๆหนึ่ง มันผิดแค่นิดเดียวมันกลายเป็นคดีเป็นผู้ต้องหาไปเลยอะไรอย่างนี้ ส่วนค่าปรับที่ต้องเสียหนูไม่แน่ใจค่ะวันนั้นหนูไปกับพี่ทนายด้วยค่ะหนูเซ็นใบมอบอำนาจให้พี่ทนายเป็นคนจ่ายเพราะหนูต้องไปที่ศูนย์ราชการต่อ เพื่อไปเจอพี่ตำรวจคนนี้เพื่อที่จะได้เซ็นเอกสารต่อต้องไปทั้งหมดสามที่ค่ะ”
รู้สึกอย่างไรที่ต้องพบเจ้าหน้าที่?
“ก็ได้ความรู้เยอะเลยค่ะคืออย่างแรกที่หนูได้ก็คือรู้เท่าไม่ถึงการณ์นะคะเราไม่รู้กฎหมายอะไรเลยคิดว่าเราเช็คดีแล้วแต่มันก็มีการใช้คำการโฆษณาเกินจริง”
เข็ดไหม?
“รู้สึกไม่ดีมากกว่าที่เราได้โพสต์ไป โฆษณาเกินความจริงบางคนเค้าก็ไม่รู้ว่านักแสดงมารีวิวมันจะต้องดีแน่เลยเหมือนเราไปหลอกลวงเราก็รู้สึกผิดจริงๆแต่เราลงรูปไปแล้วไม่ได้เช็คคำพูดให้ดีก่อนก็เหมือนเป็นบทเรียนให้เรา”
มีอะไรอีกไหม?
“หลังจากนี้.. ถ้า ณ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรตอบรอดูว่าจะมีรอบสองป่าวที่พี่เขาพูดนะคะในขั้นตอนแรกก็ถือว่าจบแล้ว”
รบกวนใจเราหรือเปล่า?
“รู้สึกไม่รบกวนใจนะคะแต่ว่าเรารู้สึกว่าเราทำผิดจริงๆใช้ข้อความที่มันเกินความจริงไปเลย จริงๆก็ถือว่าเป็นบทเรียนที่ดีเป็นประสบการณ์ที่ดีด้วยค่ะ”
ถ้ามีรีวิวมาอีกจะตรวจสอบอย่างไร?
“ก็ต้องตรวจสอบเยอะๆค่ะก็อาจจะต้องมี เหมือนทางตำรวจบอกว่าต้องไปขอทางอย.ก่อนด้วยเราจะลงโฆษณา ก็คงต้องศึกษารายละเอียดพวกนี้เพิ่มเติม ให้ชัดเจนและเข้าใจมากขึ้น เพราะว่าเราไม่รู้ว่าจะใช้ได้หรือเปล่า”
ไม่กังวลใจอะไรแล้ว ?
“ไม่กังวลใจค่ะ ก็ต้องมีสติและพิจารณามากขึ้นค่ะ”
กระแสหนัง?
“ถ้า ณ ตอนนี้ไม่ได้ติดตามได้ค่ะแต่รู้สึกว่าจะเงียบๆ อาจจะออกจากโรงแล้วมั้งคะ”
รู้สึกยังไงบ้าง?
“ไม่เฟล สำหรับตัวหนูนะคะแต่หนูเป็นห่วงพี่ทีมงานและก็นักแสดงท่านอื่นแต่ละคนเค้าก็ตั้งใจทำงานเค้าอาจจะอยากให้ผู้ชมเข้ามาชมเยอะๆรู้สึกว่าไม่เป็นไรหนูก็เข้าใจทั้งสองฝ่าย เรื่องมันเป็นอะไรที่เซนซิทีฟ แต่หนูทำใน part ของนักแสดงเต็มที่แล้ว”
ได้คุยกับปั้นจั่นและทีมงานไหม?
“ไม่ได้คุยเลยค่ะที่พี่ทีมงานก็ไม่ได้เจอด้วยค่ะเพราะหนังเข้ามาสักพักนึงแล้วค่ะ มันก็จบไม่ค่อยได้เจอ”
คิดว่าหนังออกจากโรงไวไปไหม?
“อืม.. ไม่แน่ใจค่ะ มันถือว่าเร็วไหมอ่ะคะ? หนูเล่นหนังเป็นเรื่องที่สองเลยไม่รู้ว่าปกติแล้วหนังเข้าโรงประมาณไหนระยะเวลาเท่าไหร่”
มีคนเอาภาพโรงหนังว่างมาให้ดู?
“หนูเห็นค่ะ ว่างหมดเลย (หัวเราะ) ก็แบบเออเค้าไม่ดูกันจริงๆอ่ะเนอะ แต่ว่าถ้าเป็นไปได้ ใครอยากดูก็ดู ก็ยังโปรโมทเชียร์ๆเหมือนเดิม”
เสียความมั่นใจไหม?
“ไม่เสียความมั่นใจค่ะแต่หนูเข้าใจมากกว่าไม่ได้บังคับ”
นักวิจารณ์บอกเนื้อเรื่องค่อนข้างดี แต่คนไม่ค่อยดูเลย น้อยใจไหม?
“ไม่น้อยใจนะคะ เข้าใจมากกว่าได้ยินวิจารณ์ในเรื่องของเนื้อหาก็บอกว่าดี โอเคแค่นี้ก็เป็นเหมือนกำลังใจสำหรับเราด้วยทีมงานทุกๆคนด้วย”
ยังไม่คุยกับทีมงาน?
“ยังไม่คุยเพราะว่าถ่ายจบไปซักพักแล้ว”
เรื่องหน้าจะมีอีกไหม?
“ถ้ามีติดต่อเข้ามาก็ยินดีรับค่ะ”