เป็นอีกหนึ่งว่าที่บัณฑิตป้ายแดงสำหรับ “ต่อ ธนภพ” ที่เตรียมตัวจะเข้าพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร ปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวมไปถึงเรื่องแฟนมีตติ้งที่จะจัดที่ไต้หวัน เจอพิษโรคเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนดอีกด้วย
ใกล้รับปริญญาแล้วเป็นไงบ้าง ?
“ตื่นเต้นนะครับ แต่อีกใจก็ไม่ตื่นเต้นแล้วครับ ตอนแรกตื่นเต้นคือท่ารับมีแบบสะบัดข้อมือ”
ซ้อมไปกี่ครั้งแล้ว ?
“คณะผมให้ซ้อมเป็นร้อย บอกได้เลยว่าพวกเราพร้อมมากครับผม”
มีโดนใบเตือนบ้างมั้ย ?
“ไม่มี จะไปมีได้ยังไงเล่า(ยิ้ม)”
ความมุ่งมั่นตลอดระยะเวลาที่เราทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เราภาคภูมิใจมากแค่ไหน?
“ยกให้พ่อแม่เลย เป็นแบคให้เราเวลาที่เหนื่อยหรือไม่ไหว เรามีพวกท่านอยู่ เราเองก็อยากคว้าใบปริญญามาให้ท่านให้ได้ครับ ก็เลยทำให้เราสู้มาได้ถึงทุกวันนี้ วันที่เรียนจบก็ขอบคุณอาจารย์ ขอบคุณเพื่อนด้วย จริงๆแล้วสิ่งที่สำคัญสำหรับผมอาจจะไม่ใช่ใบปริญญา แต่เป็นประสบการณ์ที่ผมอยู่มหาวิทยาลัยมา 5 ปี”
เพื่อนๆ ช่วยซับพอร์ทแค่ไหน ?
“บอกเลยว่ารักมากครับ (ยิ้ม)”
หลังเรียนจบแล้วตั้งใจทำงานอย่างเดียวเลยมั้ย?
“ตอนนี้ทำงานร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ และเล็งมีความคิดอยากจะเรียนต่อ”
มีราวัลให้ตัวเองบ้างมั้ย?
“รางวัลหรอครับ ถ่ายรูปรับปริญญานี่ใช่รางวัลมั้ย ไม่รู้อ่ะ ขอให้มีงานเยอะแล้วกัน ตอนนี้คิวงานผมมีร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วนะครับ”
เรื่องเรียนต่อมีเล็งไว้ที่ไหนบ้าง ?
“ก็มีคุยๆ กับคุณอา คุณพ่อ คุณแม่ เราเริ่มอยากมาทางสายบริหาร การจัดการ หัดดูภาพรวมเป็นบ้าง แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปทางไหนครับ หรือทางภาพยนตร์เลย”
แสดงว่าทางครอบครัวไม่ได้ร้องขอให้เรียนต่อ?
“แค่ปริญญาใบแรกก็น้ำตาไหลแล้วครับ(ยิ้ม) ไม่ได้บอกว่าเค้าไม่สนับสนุนเรื่องเรียน แต่เค้าเห็นความเหนื่อยเรามากกว่า แล้วยิ่งตอนนี้คิวงานเราร้อยเปอร์เซ็นต์ เค้าได้เห็นแล้วว่าเวลาเราเหนื่อยจริงมันเป็นยังไง เค้าเลยไม่ได้เรียกร้องว่าต้องเรียนต่อนะลูก แต่เหมือนเรารู้สึกว่าเราอยากเรียนถ้ามีโอกาส”
คุณพ่อคุณแม่บ่นบ้างมั้ย ทำงานแทบไม่ค่อยได้เจอหน้า?
“บ่นทุกวันเลยครับ แต่ทุกวันนี้มีอีเว้นท์ใหม่ คือพยายามกลับไปกินข้าวเย็นทุกวันที่บ้าน จะได้นั่งคุยกันบ่อยที่สุดเท่าที่เราจะคุยได้ เหมือนกับผมเป็นลูกชายสามคน แล้วพี่ชายทำงานกันหมด บางครั้งก็รู้ว่าท่านเหงา คือใครกลับได้ก็จะพยายามกลับ”
ครอบครัวตื่นเต้นมั้ยกับงานรับปริญญาของเรา?
“ทุกคนตื่นเต้นมากครับ แต่งานจัดวันจันทร์ ทุกคนทำงานกลัวมาไม่ได้ครับ”
แล้วเวลาให้หวานใจยังมีให้เหมือนเดิมมั้ย ?
“มีเวลาให้กันน้อยลง แต่มีเวลาให้กันเหมือนเดิม ที่บอกว่าเหมือนเดิมคือตอนนี้ภาษีเราเท่ากันคือไม่ว่างทั้งคู่ เพราะเราก็ติดเรื่องงาน เค้าก็ติดปีกบินแล้ว”
ดีใจมั้ยที่เค้าได้เป็นแอร์โฮสเตสแล้ว?
“ผมว่าสำหรับผู้หญิงด้วยกันลองแล้วจะรู้ครับ”
ระยะเวลาในการเจอกันกลัวจะมีปัญหามั้ย ?
“ให้ผมลองก่อนแล้วกันครับ(ยิ้ม)”
เค้ามีมาปรึกษาอะไรบ้างมั้ย?
“ไม่มีครับ ส่วนใหญ่มีบ่นว่ากลัว เราจะห่วงเรื่องความปลอดภัยมากกว่า เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นได้บ้าง”
ไปรับไปส่งบ้างมั้ย?
“มีครับ”
งานแฟนมีทติ้งที่จะจัดที่ไต้หวันเป็นยังไงบ้าง?
“อันนี้ผมว่าถ้าคุยจะยาวครับ จริงๆแล้วเป็นเรื่องของทางโน้นเค้ามีปัญหาบางอย่าง สุดท้ายก็เลื่อนแบบไม่มีกำหนด ซึ่งผมขออนุญาตอาจจะพูดเชิงลึกไม่ได้ แต่เค้ามีบางอย่างที่จำเป็นจะต้องเลื่อนจริงๆ ถามว่านอยด์มั้ย จริงๆผมเสียดายที่เราได้เจอกันช้าลงกับแฟนประเทศนั้น เพราะเราไม่เคยไปแต่ถามว่าผมเสียใจมั้ยตอบเลยว่าไม่ครับ ขอบคุณที่เสียใจแต่เราจะเรียกเค้ามาที่ไทยแทน เพราะเราจะจัดแฟนมีตติ้งที่ไทยภายในปีนี้”
เรียบเรียงโดย กัณฑณัฏฐ์ จันทรมงคล